‘บริทาเนีย’ โชว์ยอดพรีเซลปี 64 ทำสถิติใหม่ 8,300 ล้านบาท รับเปิดตัวโครงการใหม่และดีมานด์บ้านแนวราบแข็งแกร่ง

 ‘บริทาเนีย’ โชว์ยอดพรีเซลปี 64 ทำสถิติใหม่ 8,300 ล้านบาท รับเปิดตัวโครงการใหม่และดีมานด์บ้านแนวราบแข็งแกร่ง

‘บริทาเนีย’ โชว์ยอดพรีเซลปี 64 ทำสถิติใหม่ 8,300 ล้านบาท รับเปิดตัวโครงการใหม่และดีมานด์บ้านแนวราบแข็งแกร่ง

บริทาเนีย หรือ BRI โชว์ยอดพรีเซลปี 64 ทำนิวไฮที่ 8,300 ล้านบาท หลังไตรมาส 4/2564 จัดแคมเปญเปิดตัวที่อยู่อาศัยแนวราบ โครงการใหม่และดีมานด์ที่แข็งแกร่ง รวมถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อบ้านเพิ่มขึ้น ประเมินแนวโน้มตลาดในปีนี้มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอสังหาฯ   

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในช่วงไตรมาส 4/2564 ยังคงมีดีมานด์ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แม้มีสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่จาก COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำยอดพรีเซล (ยอดขาย) ได้ตามเป้าหมายที่ 2,012 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดพรีเซลรวมในปีที่ผ่านมาสูงกว่า  8,300 ล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ 

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI

ปัจจัยที่สามารถทำยอดพรีเซลได้ดี มาจากการจัดแคมเปญเปิดตัวที่อยู่อาศัยแนวราบ โครงการใหม่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่ผ่านมา อาทิ โครงการไบรตัน บางปะกง, โครงการบริทาเนีย แพรกษา สเตชั่น ฯลฯ ส่งผลให้สามารถทำยอดพรีเซลได้กว่า 500 ล้านบาท ในช่วง วันของการจัดแคมเปญ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 28% ของยอดพรีเซลทั้งหมดในช่วงไตรมาส 4/2564 เนื่องจากศักยภาพโครงการใหม่ที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีการพัฒนาแบบบ้านและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์วิถีชีวิต New Normal ประกอบกับสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจพิจารณาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบในโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น รวมถึงภาครัฐได้ผ่อนปรนมาตรการ LTV (Loan to Value) หรือการกำหนดอัตราส่วนการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน  

“ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 เราพบว่าผู้บริโภคสนใจเลือกซื้อบ้านและทาวน์โฮมเพิ่มขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยโครงการของบริทาเนียได้พัฒนาแบบบ้าน ฟังก์ชัน พื้นที่ส่วนกลาง ให้สามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภค” นางศุภลักษณ์ กล่าว 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริทาเนีย หรือ BRI กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันประเมินภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2565 ยังมีแนวโน้มเติบโตจากปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ภาคการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ เช่น การผ่อนปรนมาตรการ LTV, มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง เป็นต้น จะส่งผลให้ผู้บริโภคมีความสามารถในการซื้อบ้านได้เพิ่มขึ้น  

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้นและมีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าก่อสร้างและความสามารถการทำกำไรของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการบริหารจัดการซัพพลายเชน ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัสดุก่อสร้างจากผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ในราคาที่สมเหตุสมผล จนถึงการดูแลการก่อสร้างตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการส่งมอบที่อยู่อาศัยแก่ลูกค้า 

“แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจและสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศยังมีความไม่แน่นอน แต่เรามองว่าภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปีนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตและมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยจะต้องพัฒนาแบบบ้านและฟังก์ชันให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับแนวคิด Human Centric เน้นลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง มุ่งเน้นการศึกษาทำความเข้าใจพฤติกรรมและปัญหาในการอยู่อาศัย และนำสิ่งเหล่านั้นมาวิเคราะห์พัฒนาแบบบ้านที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย มีฟังก์ชันใช้สอยที่สามารถตอบสนองความต้องการและช่วยแก้ไขปัญหาในการอยู่อาศัย รวมถึงมุ่งเน้นคัดเลือกที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น ติดถนนใหญ่, ใกล้รถไฟฟ้า ทางด่วน สิ่งอำนวยความสะดวก เป็นต้น” นางศุภลักษณ์ กล่าว

Share