ไมเดียกวาดยอดขายชั่วโมงเดียวทะลุ 300 ล้าน มั่นใจสิ้นปี 64 ยอดแตะพันล้าน

 ไมเดียกวาดยอดขายชั่วโมงเดียวทะลุ 300 ล้าน มั่นใจสิ้นปี 64 ยอดแตะพันล้าน

ไมเดียกวาดยอดขายชั่วโมงเดียวทะลุ 300 ล้าน มั่นใจสิ้นปี 64 ยอดแตะพันล้าน

ไมเดีย (Midea) แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก ส่งท้ายไตรมาสแรกของปีด้วยงาน MideaE-Order Fair 2021 สร้างสถิติกวาดยอดขายถล่มทลาย ทะลุ 300 ล้านบาท ภายในไม่ถึงชั่วโมง จากตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 600 รายทั่วประเทศ

 

นายโทนี่ หลิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มดี คอนซูเมอร์ แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ไมเดีย ประเทศไทย ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไมเดียในประเทศไทย เปิดเผยว่า “ประเทศไทย ถือว่าเป็นตลาดสำคัญของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ลงทุนก่อตั้งโรงงานและสำนักงานขายรวมแล้ว6 แห่ง ทั้งยังได้กำหนดแผน 3 ปี ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2564 จนถึง 2566 โดยเริ่มจากการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ผ่านคอนเซ็ปต์ Smart Life Style เพื่อสื่อให้กลุ่มลูกค้ารู้จักไมเดียในฐานะแบรนด์ที่นำเสนอนวัตกรรมที่ทันสมัย ให้กับทุกชีวิตภายในบ้านได้อย่างมีสไตล์และเหมาะกับครอบครัวรุ่นใหม่ ควบคู่กับการเร่งขยายร้านสาขาตัวแทนจำหน่ายหลักให้ถึง 633 ร้าน และการทำโปรโมชั่นแบบครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับในปีหน้า บริษัทฯ จะเร่งเครื่องเพื่อตามติดคู่แข่ง เพื่อประกาศต่อลูกค้าว่าไมเดียคือผู้นำตลาดคนใหม่ พร้อมกับขยายร้านค้าเพิ่มอีก 500 แห่ง และเติมไลน์สินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเน้นตอบโจทย์รสนิยมของคนไทยโดยเฉพาะ ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในปี 2566”

นายฉี เจิ้น หาว ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด ไมเดีย ประเทศไทย

ด้าน นายฉี เจิ้น หาว ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด ไมเดีย ประเทศไทย กล่าวว่า “จากการที่บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมเปิดตัวสินค้าและการประชุมออนไลน์ในลักษณะอีออร์เดอร์กับตัวแทนจำหน่ายมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้วซึ่งได้ผลตอบรับดีเกินคาด ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ จึงได้จัดงาน Midea E-Order Fair 2021 ขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันที่ 17 มีนาคม โดยมีตัวแทนจากเหล่าคู่ค้ามากกว่า 600 รายทั่วประเทศ ทั้งจากร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ร้านค้าเฉพาะกลุ่ม เข้าร่วมงาน ซึ่งบริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 300 ล้านบาท ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือเครื่องปรับอากาศ ต่อมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำและเครื่องครัว เช่น เครื่องกรองน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้กดน้ำ ตามด้วยกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ เครื่องปั่น ไมเดีย ประเทศไทยยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมเช่นนี้อีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับไลน์อัพเครื่องปรับอากาศที่จำหน่ายในประเทศไทย ไมเดียมีสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศทั้งหมดรวม32 รุ่น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม และในปีนี้ยังจะเปิดเพิ่มขึ้นอีก 18 รุ่น”

นอกจากนี้ ภายในงาน Midea E-Order Fair 2021 ทางไมเดีย ประเทศไทย ยังได้เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่สำหรับกลุ่มสินค้าเครื่องปรับอากาศ นายสุรเดช ดาราเย็น ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ไมเดีย ประเทศไทย กล่าวว่า         “ไมเดียในฐานะแบรนด์สินค้าระบบบำบัดอากาศที่มียอดขายสูงที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ Euromonitor International บริษัทวิจัยการตลาดยักษ์ใหญ่ของโลก ได้ทำการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูทันสมัย เหมาะกับกลุ่ม

ลูกค้าฉลาดเลือกมากยิ่งขึ้น และตรงกับคอนเซ็ปต์ Smart Life Style ซึ่งทางไมเดีย ประเทศไทยได้ขานรับนโยบายนี้ ด้วยการดึงเจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข มาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ในประเทศไทย เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย สนใจใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในชีวิตประจำวัน เพื่อยกระดับความสะดวกสบายภายในบ้าน และมีรสนิยมในการเลือกใช้สินค้าที่ไม่ได้คำนึงถึงฟังก์ชั่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังใส่ใจในดีไซน์ ความสวยงาม ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศในบ้านให้น่ามองน่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะปล่อยภาพยนตร์โฆษณาที่มีเจมส์ จิรายุ ในช่วงปลายเดือนเมษายนที่จะถึงนี้”

 

“ปัจจุบัน กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศของไมเดีย ซึ่งรวมถึงเครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ และพัดลม ได้รับการยอมรับจากคนไทยมากขึ้น ไม่ต่างจากแบรนด์ระดับโลกอื่นๆ ทั้งในเรื่องของคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้า ดีไซน์ และราคาที่จับต้องได้ง่าย บริษัทฯ มีแผนที่จะใช้งบการตลาดในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ในการปรับภาพลักษณ์และยกระดับความนิยมในตัวแบรนด์ผ่านการทำโปรโมชั่น และกิจกรรมร่วมกับคู่ค้าทั้งในรูปแบบออนไลน์และทางหน้าร้าน โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ยอดนิยมของตลาดประเทศไทยภายในอีก 3 ปีข้างหน้า” นายสุรเดช กล่าวทิ้งท้าย

อนึ่ง ในปี 2562 ไมเดียสามารถสร้างยอดขายรวมทั่วโลกได้ราว 1.25 ล้านล้านบาท และถูกจัดอันดับจากนิตยสาร Fortune Global 500 ประจำปี 2563 ให้เป็นบริษัทที่มีรายได้จากการประกอบการสูงสุดลำดับที่ 307 ของโลก ทั้งยังถูกจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes Global 2000 ประจำปี 2562 ให้เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ในลำดับที่ 253 ของโลก ในด้านรายได้ กำไร ทรัพย์สิน และมูลค่าทางการตลาด

 

Share